1. ต้องปักเฉียงไปทางเดียวกันตลอด โดยเลือกตามความถนัดของตัวเองค่ะ จะเอียงซ้ายก็ซ้ายตลอด ขวาก็ขวาตลอด จะทำให้ได้ผลงานที่เป็นระเบียบ สวยงามค่ะ
2. ห้ามมัดปมไว้ด้านหลัง เพราะจะทำให้ภาพที่ได้ไม่เรียบมีตะปุ่มตะป่ำตามรอยปมไหมได้ การเริ่มต้นไหมเส้นใหม่หรือเก็บปลายไหม ให้สอดเก็บไว้ด้านหลัง โดยเหลือปลายไว้ยาวประมาณ 1 ซม. ก็พอค่ะ
3. ไม่ควรตัดไหมยาวมากนัก บางคนขี้่เกียจต่อไหมใหม่ ก็อยากตัดไหมให้ยาว ๆ ทีเดียวไปเลย แต่ในการปักจริง ๆ แล้วไม่ควรตัดไหมยาวเกิน 18 - 20 นิ้วนะคะ เพราะไหมส่วนปลายมักจะเยินไม่สวย และในระหว่างปัก ถ้าไหมมีปลายเส้นก็จะไม่เรียบ ต้องเสียเวลารูดไหมให้เรียบเสมอกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งบางครั้งน่ารำคาญกว่าการเปลี่ยนไหมเส้นใหม่นะคะ
4. ถ้าลายที่ปักซับซ้อนมาก อาจจะต้องใช้่เข็มหลาย ๆ เล่มปักไปพร้อม ๆ กัน เ็ข็มและไหมปักที่ยังไม่ได้ใช้ ไม่ควรเก็บไว้ทางด้านหลังของลายปักนะคะ เพราะอาจจะทำให้ไหมปัีกพันกันกับไหมที่เราพักไว้ ควรจะเอามาเก็บไว้ทางด้านหน้าของลายปักดีกว่าค่ะ เพราะเราจะได้มองเห็นตลอดเวลา ไหมจะได้ไม่พันกันไงคะ
5. การปักต้องปักไขว้ไปทางเดียวกัน ดูวิธีปักตามรูปต่อไปนี้นะคะ
สำหรับการปักช่องเดียว
สำหรับการปักต่อกันหลาย ๆ ช่อง
เมื่อปักเสร็จแล้วด้านหลังงานปักจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนรูปนี้นะคะ
6. เมื่อปักเสร็จแล้วส่วนปลายไหมปัก ให้สอดเก็บไว้ทางด้านหลัง โดยเหลือปลายไหมไว้ประมาณ 1 ซม. เหมือนตอนเริ่มปักค่ะ และคงจะยังจำกันได้นะคะ่า ห้ามผูกปกไหมเด็ดขาด
7. การปักเดินเส้น ส่วนใหญ่จะใช้ไหมน้อยกว่าตอนปักไขว้ 1 เส้นนะคะ เหมือนรูปด้านล่างเลยค่ะ
8. สำหรับผู้ที่อยากได้ชิ้นงานขนาดใหญ่ขึ้น
ให้ปักเป็นรูปดอกจันตามภาพข้างล่างนี้ จะได้ชิ้นงานที่มีขนาดกว้างและยาวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ถ้าขนาด 5"X5" ก็จะได้ขนาด 10"X10" โดยปัก 4 ช่องผ้าต่อ 1 สัญลักษณ์ในผังลาย วิธีปักทำได้ 2 แบบค่ะ
- ปักเป็นรูป X ก่อน แล้วปักเป็น + ไว้ข้างบน ตามรูปด้านล่างแถวแรกจ้า
- ปักเป็นรูป + ก่อน แล้วปักเป็น X ไว้บางขน ตามรูปด้านล่างแถวที่สองจ้า
ลายปักที่ได้จะต่างกันนิดหน่อย ลองปักดูเล่นทั้งสองแบบก่อนแล้วเลือกแบบใดแบบหนึ่ง ตามชอบนะคะ